หมู่บ้านห่างในจังหวัดภาคเหนือ ของประเทศไทยมีป่าลึกที่ไม่มีใครกล้าที่จะย่างเท้าเข้าไปยามค่ำคืน คนเฒ่าคนแก่ มักเรียกว่า "ป่าลั่นฆ้อง"
ทุกคืนวันพระจะได้ยินเสียงฆ้องดัง "ป๊องงง" ก้องออกมาจากป่าลึก เหมือนมีคนตีอยู่ในป่าลึก แต่คนเฒ่าคนแก่เล่าต่อกันมากว่า ในอดีตหมู่บ้านนี้เป็นที่ฟานักของพระธุดงค์รูปหนึ่ง ท่านอยู่ในกระท่อมกลางป่า และทุกคืนวันพระจะตีฆ้องเสียงดังสั่นออกจากบ้านเพื่อ ให้ทุกคนในหมู่บ้านได้ทราบตื่นออกมาทำบุญสวดมนต์กัน แต่มีอยู่คืนหนึ่ง...พระท่านกลับได้หายไปอย่างลึกลับ
แต่รุ่งเช้า ชาวบ้านก็พบเพียงแต่รอยเลือดลากยาวจากกระท่อมไปในกลางป่าลึก ไม่เห็นร่างของพระท่าน มีเพียง ฆ้องเก่าๆที่แขวนอยู่บนต้นไม้ แม้จะไม่มีใครอยู่ในป่าแล้วตั้งแต่นั้นมา ทุกคืนวันพระก็ยังได้ยินเสียงฆ้องดังลั่นออกมา จากป่าลึกอยู่ดี และไม่มีใครที่จะเข้าไปดูเด็ดขาด
นายมิน ช่ายวัยรุ่นที่ไม่เชื่อเรื่องลี้ลับ ตั้งสินใจที่จะเข้าไปท้าพิสูจน์ในกลางป่า เขาและเพื่อนๆของเขา ได้นัดเข้าไปในป่าแห่งนั้น "คนนี้วันพระ กูจะไปดูเองว่าใครตีฆ้อง" ถึงตอนสามทุ่ม พวกเขาถือไฟฉายเข้าไปในป่านั้น ป๊องงง! เสียงเหมือนใกล้เข้ามา ทุกย่างก้าว และเสียงก็ดังขึ้นเลื่อยๆ จนพวกกเขาเดินจนไปเจอ กระท่อมผุพัง...และฆ้องที่แขวนอยู่บนต้นไม้ แต่ไม่มีใครอยู่ที่นั้นเลย มินได้หัวเราะ "นี่ไง ฆ้องบ้าๆ ที่ชาวบ้านกลัว" เขาได้ยื่นมือไปแตะ...ทันในนั้น ป๊องงงง!!
เสียงฆ้องดังขึ้นโดยไม่มีใครตี ร่างของมินแข็งค้างเหมือนถูกแช่เเข็ง เสียงกระซิบดังขึ้น "เจ้ามาแล้วหรือ" ไฟฉายในมือกับพรึ่บ เพื่อนต่างพากันกรี๊ดร้อง เพราะมีเงาร่างสูงใหญ่กำลังค่อยๆออกมาจาก หลังต้นไม้ เป็นร่างเถาวัลย์สีดำพันกันยุ่งเหยิง มีใบหน้าคล้ายมนุษย์ ดวงตาเปิดโพรงลึก ปากฉีกถึงรูหู มีเลือดไหลออกมาตลอดเวลา พวกของมินพากันหันหลังวิ่งหนีแต่ยังไม่ทัน พ้นหลังต้นไม้พวกเขาก็ได้หายไป มินพยามก้าวถอยหลัง มีเสียงกระซิบดังข้างหู "อย่าหันหลังไป" แต่มินทนไม่ไหวเขาหันไป และเขาก็ไม่ได้กลับออกมาจากป่านั้นอีกเลย